วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับกีต้าร์


     ในส่วนนี้เรามารู้จักถึงวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบในการเล่นกีตาร์ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายอย่างบางอย่างก็จำเป็น บางอย่างก็อาจไม่จำเป็นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกีตาร์และสไตล์กีตาร์ของคุณนั่นเอง เอาล่ะลองมาดูซิว่าคุณควรมีอะไรบ้าง
1. ปิคกีตาร   ก็คือวัสดุที่ใช้ดีดลงบนสายกีตาร์แทนนิ้วหรือเล็บเรา ซึ่งจะเหมาะสำหรับการเล่น strum (การตีคอร์ด) หรือการเล่นโซโลของกีตาร์ไฟฟ้า เป็นต้น ปิคทำมาจากวัสดุหลายประเภท เช่น ไม้ กระดูกสัตว์ งาช้าง(สมัยโบราณนะครับเดี๋ยวนี้คงไม่มีแล้ว) แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคงเป็นแบบที่ทำมาจากพลาสติก เพราะหาง่ายและราคาค่อนข้างจะถูก โดยทั่วไปปิคกีตาร์จะแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
     1.1 ปิคแบน   (flat pick) ก็คือปิคทั่ว ๆ ไปที่เราใช้ดีดกีตาร์นั้นแหละครับ โดยทั่วไปในการขายจะแบ่งตามขนาด ได้แก่ แบบ thin,medium และ thick ซึ่งก็คือความหนาตั้งแต่ บาง,หนาปานกลาง และหนามาก ตามลำดับ การใช้งานของแต่ละขนาดก็จะขึ้นอยู่กับความถนัดและสไตล์การเล่นกีตาร์ของแต่ละคนเช่น การตีคอร์ดผมมักจะชอบใช้ปิคบาง(thin)เพราะรู้สึกว่ามันพริ้วกว่า แต่ถ้าผมจะเล่นกีตาร์ไฟฟ้าผมมักจะใช้ปิคแบบหนา เพราะรู้สึกว่ามันใช้โซโลได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้ขึ้นกับความถนัดของแต่ละคนนะครับ

      1.2 ปิคนิ้ว  (finger pick)  เป็นปิคที่ใช้สวมนิ้วเพื่อใช้กับการเล่นแบบ finger picking style (การเกากีตาร์) ซึ่งจะให้เสียงที่คมชัดกว่าใช้เล็บหรือปลายนิ้ว แต่ก็ขึ้นกับความถนัดหรือความชอบของแต่ละคนอีกแหละครับบางคนก็ชอบใช้ บางคนก็ไม่ชอบใช้สไตล์ใครสไตล์มันครับ สำหรับปิคประเภทนี้มีอยู่

 2. คาโป้ (capo) คำว่า capo มาจากคำว่า capotasto ในภาษาสเปนแปลว่าทาบ (bar)หน้าที่ขของมันคือใช้คาดหรือรัดบนคอกีตาร์เพื่อเปลื่อนคีหรือระดับ เสียงของกีตาร์

3. สไลด์กีตาร์ (guitar slide)  หรือบางครั้งก็เรียกว่า bottle neck ที่หมายถึงคอขวดนั่นเองเอยากทราบที่มาคลิ๊กเข้าไปดูได้ครับ สำหรับเจ้าตัวสไลด์นี้เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เราคงเคยเห็นนักดนตรีบางคน เล่นมาแล้วโดยใช้เจ้าสไลด์นี้สวมนิ้วแล้วเลื่อนไปตามคอกีตาร์ ซึ่งมันช่วยทำให้เราได้สำเนียงกีตาร์ในอีกรูปแบบหนึ่งออกมาส่วนมากมักเป็น เพลงประเภทเพลงบลูส์ วัสดุที่ใช้ทำมักจะมี 2 ชนิดคือ
  3.1 สไลด์แก้ว ทำจากวัสดุประเภทแก้ว จะให้เสียงที่ค่อนข้างนุ่มนวลกว่า
    
  3.2 สไลด์โลหะ จะให้เสียงที่ใสกว่า
  และถ้าแบ่งตามลักษณะการใช้งานก็จะแบ่งได้เป็น
          - แบบเป็นท่อใช้สวมนิ้ว
          - แบบที่ใช้เล่นกับกีตาร์ที่เล่นในแนวราบ เช่นกีตาร์ steel 

 
4. ปิคอัฟ (pick up) หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า คอนแทค นั่นแหละครับ ตอนผมเล่นกีตาร์ใหม่ ๆ ผมก็เรียกอย่างนี้เหมือนกันแต่ว่าชื่อที่ถูกต้องจริง ๆ คือ pick up ผมไม่แน่ใจว่าคำว่าคอนแทคมาจากไหนเหมือนกันอาจจะมาจากการที่เจ้าตัวนี้มัน ติดอยู่บนด้านหน้าของกีตาร์กระมังเพราะคำาว่าคอนแทค(contact)แปลว่าสัมผัส หรือติดต่อ คราวนี้เราจะมาพูดกันถึงประเภทของมันบ้างผมอยากจะแบ่งตามการใช้งานนะครับ ซึ่งน่าจะแบ่งได้ 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
    4.1 ปิคอัฟสำหรับ กีตาร์โปร่ง ใช้สำหรับประกอบกับกีตาร์โปร่งเพื่อให้ต่อเข้าแอมป์เวลาเล่น มีหลายชนิดเช่นแบบที่ใช้ติดที่โพรงเสียง แบบที่ติดทใต้สะพานสาย หรือแบบที่ติดที่ใต้หย่อง เป็นต้น







     4.2 ปิคอัฟสำหรับกีตาร์ไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของกีตาร์ไฟฟ้าก็ว่าได้จะมีอยู่ 2 แบบใหญ ๆ คือ แบบ single coin และแบบ humbacking หมายถึงเป็นแบบที่ใช้เส้นลวดพันรอบแกนแม่เหล็กแกนเดียว และแบบ 2 แกนคู่กัน ตามลำดับ ซึ่งจะให้เสียงที่ออกมาต่างกันด้วย








5. เอฟเฟ็ค (effect) แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่ชอบเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ว่าไม่ต้องการเจ้าสิ่งนี้เพราะมันสามารถทำให้เราปรับแต่งเสียงกีตาร์ของเราได้อย่างอิสระ เช่นต้องการเสียงที่แตกมาก ๆ ต้องการเสียงลากยาว ๆ อะไรประมาณนี้ (จริง ๆ ผมไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องเอฟเฟ็คมากนักแค่พอรู้น่ะครับ ) เอฟเฟ็คในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อและอีกหลากหลายประเภทตามจุดประสงค์การใช้งานเท่าที่ผมเห็นก็น่าจะมีอยู่ 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
     5.1 ประเภท foot control หรือที่เราเห็นกันอยู่ทั่ว ๆ ไป ที่นักดนตรีเขาใช้เท้าเหยียบ ๆ นั่นแหละครับ(บางคนเรียกว่าเอฟเฟ็คแบบก้อน)ซึ่งยังแบ่งได้อีก 2 ประเภทคือตัวเดียวก็เป็นเอฟเฟ็คอย่างเดียวเลยเช่น distortion ก็จะทำหน้าที่เป็น distortion อย่างเดียวเลย ในขณะที่อีกประเภทจะเป็นเอฟเฟ็ครวม มีเอฟเฟ็คหลาย ๆ ประเภทอยู่ในตัวเดียวกัน ซึ่งแล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน แต่นักดนตรีหลายคนยังชอบแบบแรกมากกว่าเพราะมีความคลาสสิกกว่าและเสียงที่ได้ มามันสะใจกว่าอีกแบบ


     5.2 ประเภท rack ประเภทนี้ผมไม่ค่อยจะเห็นเท่าไรเลยไม่รู้ว่าใช้ยังไง แต่บนเวทีมักไม่ค่อยเห็นเท่าไรส่วนมากจะใช้แบบแรกมากกว่า หรืออาจจะใช้ในห้องอัดในสตูดิโอเพราะตัวใหญ่และราคาค่อนข้างจะสูงไม่สะดวกในการพกพาไปเล่นตามที่ไหน ๆ 



6. แอมป์ สำหรับผู้ที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าแล้วมันก็คือสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ แต่ผู้ที่เล่นกีตาร์โปร่งธรรมดาอาจไม่ต้องมีก็ได้ หน้าที่ของมันก็คือการแปลงและขยายสัญญาณไฟฟ้าที่มาตามสายแจ็คจากกีตาร์ให้ เป็นเสียงกีตาร์และสามารถปรับแต่งคุณสมบัติของเสียงได้เช่นความดัง-เบา หรือความทุ้ม-แหลมเป็นต้น นอกจากนี้แอมป์บางรุ่นยังมีเอฟเฟ็คบางตัวติดตั้งมาด้วยเช่นมี overdrive เป็นต้น แอมป์มีหลายแบบหลายสไตล์ ทั้งแบบ mono , stereo  นอกจากนี้ยังมี พรีแอมป์อีก แอมป์ที่มีขายนั้นมักจะบอกเป็นวัตถ์ว่าแอมป์ตัวนี้กีวัตถ์ตัวนั้นกี่วัตถ์ เป็นต้นกำลังวัตถ์มากกำลังขับก็สูง ราคาก็สูงตามไปด้วย











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น